fbpx

“วิธีเป็นอินฟลูเอนเซอร์” จากประสบการณ์คนธรรมดาที่ดังขึ้นมาไม่รู้ตัว

บทความนี้ได้รับการเขียนร่วมกับ Twisted Content โดย Twisted Content ช่วยในการสร้างคอนเทนท์ให้กับทีมมาร์เก็ตติ้ง โดยเป็นทั้งผู้นำทางความคิดและผู้ทรงอิทธิพลที่เปลี่ยน 1 ชั่วโมงของพวกเขาเป็นคอนเทนท์ 1 เดือน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.twistedcontent.com

สิ่งแรกที่แบรนด์ต้องคำนึงถึงเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย คือการเปรียบเทียบความแตกต่างของเครื่องมือต่างๆ ของมาร์เก็ตติ้ง แต่วันนี้สิ่งที่มาแรงมากๆ คือการเติบโตของ Influencer Marketing

ผลสำรวจความน่าเชื่อถือที่มีต่อผู้บริโภคโดย ExpertVoice ในปี 2018 พบว่ามีแค่ 4% ที่ยังเชื่อคำพูดโฆษณาของเหล่าเซเลบริตี้ แต่พวกเขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดจากบุคคลปกติที่เหมือนกับพวกเขา หรือถ้าจะเป็นเซเลบริตี้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ใช้จริงเพื่อให้สามารถเชื่อในสิ่งที่แบรนด์กำลังจะบอกหรือก็ต้องเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ จริงๆ ด้วย

เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเราต้องการข้อมูลจริงเพื่อใช้ในการตัดสินใจในการจะเลือกซื้อของสักหนึ่งอย่างว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งถ้าเราเห็นใครที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์การใช้งานก่อนหน้าเรา เราก็จะมีความรู้สึกว่าเราอาจจะใช้ดีด้วยเช่นกัน

ซึ่งทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากในวงการอินฟลูเอนเซอร์ แต่การนำเสนอที่มีความเรียบง่ายแบบคนปกติที่บอกเล่าข้อมูลอย่างจริงใจ อย่างไม่มีอะไรแอบแฝงแค่เล่าประสบการณ์พร้อมสิ่งที่คุณเชื่อ ก็สามารถที่จะสร้างให้ตัวเองเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้แล้ว

ในปี 2019 ผลสำรวจจาก Mediakix เอเจนซี่มาร์เก็ตติ้งพบว่า 80% ของตลาดมีการตอบสนองต่อการใช้อินฟลูเอนเซอร์ เป็นอย่างมากและงบประมาณที่เกี่ยวอินฟลูเอนเซอร์ในปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 2 ใน 3 จากเดิม

จากผลสำรวจพบว่าช่องทางโซเชียลมีเดียมีความกว้างขึ้น ตามระดับของอินฟลูเอนเซอร์ โดยตอนนี้นาโนอินฟลูเอนเซอร์มีความนิยมมากๆ สำหรับทุกๆ แบรนด์ โดยปกติแล้วนาโนอินฟลูเอนเซอร์จะมีผู้ติดตาม 1-10k คน โดยเหล่านาโนมีความน่าสนใจเป็นอย่างมากและมีผู้เข้าชมที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์จะได้รับคือการได้ยอดเอ็นเกจที่เป็นธรรมชาติและเป็นจำนวนที่มากกว่าที่คุณคาดไว้

หนึ่งสิ่งที่มีความหมายต่อคุณในการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่จำนวนผู้ติดตามจำนวนมากนักในช่วงเริ่มแรกของการเป็นอินฟลูเอนเซอร์  คุณก็ควรที่จะเริ่มทำงานร่วมกับแบรนด์ที่ต้องจะสื่อสารกับผู้ติดตามประมาณพันนิดๆ แต่เป็นคนที่เฉพาะกลุ่มจริงๆ พร้อมกับความชัดเจนของกลยุทธ์ที่ใช้ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่คุณจะสร้างเอกลักษณ์ของคุณเองพร้อมกับค่อยๆ พัฒนายอดผู้ติดตามให้มากขึ้นจาก Nano เป็น Micro หรือขั้นที่ไกลกว่านั้น

และวันนี้เราก็จะมาแชร์ 10 เทคนิคที่จะทำให้คุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์ตัวปัง!!

แต่ก่อนอื่นเรามาดูอินฟลูเอนเซอร์คนดังในตอนนี้กันก่อนดีกว่าว่าเขาเริ่มต้นกันอย่างไร เพราะการเรียนรู้จากความสำเร็จของพวกเขาซึ่งน่าจะเป็นกำลังใจให้เรามีแรงโล่ดแล่นในโซเชียลนี้ต่อไป

Rachel Brathen : aka Yoga_Girl

ช่องทางหลักในโซเชียล : Instagram, Facebook, YouTube

คอนเทนท์ประเภท : สุขภาพ

กลุ่มผู้ติดตาม : คนที่สนใจโยคะ และ นักปฏิบัติธรรม

กุญแจความสำเร็จของอินสตาแกรมของ Rachel Brathen โดยจุดเริ่มต้นของผู้ติดตามของเธอคือการที่เธอเริ่มเปลี่ยนวิธีการเขียนข้อความต่างๆ ด้วยความจริงใจตรงไปตรงมาถึงความรู้สึกอ่อนแอในตัวเองของเธอ ซึ่งมันก็ไปให้กำลังใจกับใครหลายคนที่ได้พบเห็นโดยประเด็นต่างๆ จะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและการสูญเสียเพื่อนคนสนิทของเธอไป

เธอบอกเล่าเรื่องราวความเสียใจต่างๆ ด้วยความจริงใจมากๆ ไม่ปรุงแต่งให้กับผู้คนที่ติดตามได้รับรู้ ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้ตัวเธอสามารถที่จะเชื่อมต่อกับความรู้สึกกับคนอื่นๆ ด้วยความรักและจริงใจ โดย Brathen เธอเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ สำหรับคนธรรมดาที่มีความจริงใจในการสร้างคอนเทนท์จากประสบการณ์จริงๆ ของมนุษย์ ซึ่งมันสามารถที่จะสร้างแรงบันดาลใจและความรู้สึกร่วมให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่บนโซเชียลได้ โดยเธอมีผู้ติดตามถึง 2 ล้านคน

Huda Kattan

ช่องทางหลักในโซเชียล : Instagram, YouTube, TikTok

ประเภทคอนเทนท์ : Beauty

กลุ่มผู้ติดตาม : ผู้หญิงตะวันออกกลาง

ในส่วนกุญแจความสำเร็จของเธอ เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลางโดยพ่อแม่ของเธอเป็นชาวอิรัก โดย Huda Kattan มีความสนใจในเรื่องการแต่งหน้าซึ่งเธอก็เลือกที่จะเข้าศึกษาในสถาบันสอนแต่งหน้าระดับโลก และต่อมาเธอจึงสร้างแบรนด์ Huda Beauty กับเหล่าน้องสาวของเธอโดยขายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม โดยเธอใช้ความมีชื่อเสียงของตัวเธอและความเป็นผู้เชี่ยวชาญจากการที่ได้เรียนมาสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้มีผู้ติดตามเธอเป็นจำนวนมาก โดยจุดเริ่มของเธอเกิดจากการเป็นบล็อกเกอร์ธรรมดา แต่ในตอนนี้เธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมถึง 1.5 ล้านคน และในยูทูปอีก 1.8 ล้านคน

โดยนางเจาะกลุ่มตลาดความงามที่ว่างอยู่ ก็คือกลุ่มสาวตะวันออกกลางโดยเริ่มจากการเป็นบล็อกเกอร์ หลังจากนั้นอีกไปทำการตลาดในดูไบซึ่งทำให้เธอมีผู้ติดตามเพิ่มเป็นจำนวนมาก ความสำเร็จของเธอเกิดขึ้นจากการที่เธอสามารถที่จะตอบโจทย์ความงามของสาวตะวันออกกลางได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะด้วยความจริงใจทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลก โดยวิดีโอสร้างชื่อของเธอคือ

Why Shaving Your Face is Awesome!

จากกรณีศึกษาเหล่านี้บอกอะไรกับพวกเรา?

จุดร่วมของทั้ง Brathen และ Kattan คือการที่ทั้ง 2 แม่นี้ มีความเป็นตัวของตัวเองซึ่งมันทำให้เข้าถึงผู้ติดตามจริงๆ โดยที่พวกชีเป็นในสิ่งที่เป็นและแสดงออกความเชื่อออกมาอย่างที่ชีเชื่อเป็นการก้าวออกจากบทบาทสมมุติต่างๆ ที่มีแต่สิ่งสวยงาม ซึ่งพวกเธอก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่าการที่จะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นว่าคุณต้องเพอร์เฟกต์ ทำได้ทุกอย่างแต่คนที่ติดตามคุณต้องการรู้ว่าคุณคือใครแล้วมีอะไรที่ต้องการจะสื่อสารออกมา

เรามาอ่านกันต่อเพื่อค้นหาวิธีการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้วยตัวคุณเอง คุณยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องของชื่อเสียง หรือจะต้องขายวิญญาณให้ใครทั้งนั้น เพราะการเป็นอินฟลูเอนเซอร์นั้นสามารถที่จะมอบหลายสิ่งหลายอย่างให้กับคุณ ทั้งด้านอาชีพการงานและรายได้อย่างมากมาย และที่สำคัญทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปอยู่ในจุดนั้นได้

1. ความเฉพาะกลุ่มของคุณคืออะไร

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะเดินทางในเส้นทางของการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ สิ่งสำคัญคือการที่คุณต้องรู้จักตัวเองและเข้าถึงคนที่ติดตามคุณว่าเขาสนใจตัวคุณเรื่องอะไร และทำให้การบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างกัน โดยกลุ่มคนเฉพาะที่ติดตามคุณจะเป็นคนบอกคุณว่าคุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือไม่ พร้อมระบุถึงประเภทของตัวคุณว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร

กลุ่มเฉพาะของคุณจะเชื่อมโยงกับคนดูคนอื่นๆ โดยต้องถามตัวเองว่าคอนเทนท์ของคุณนั้นเหมาะสมกับใคร แล้วคนที่ดูจะได้อะไรจากคอนเทนท์ของคุณ แล้วอะไรคือสิ่งที่คนดูกำลังมองหา เช่น ความท้าทาย แก้ไขข้อกังวล ตอบสนองความปรารถนา การพัฒนาตัวเอง หรือ ให้ความหวังในบางสิ่งบางอย่าง เช่น คุณจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ ก็สามารถพูดกับความเฉพาะกลุ่มของคนที่ต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ในอุตสาหกรรมความงาม กลุ่มคนที่พูดถึงจิตสำนึกต่อสังคม คนที่เป็นมังสวิรัติ หรือ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงเจน Z

การให้ข้อมูลเชิงลึก ถือเป็นการทำให้คอนเทนท์น่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชม เพราะการใช้เวลาในการค้นหาตัวตนและมีคอนเทนท์ที่แตกต่างจะส่งให้เกิดการตอบรับที่เป็นวงกว้างกว่ามากขึ้น

2. คุณจะสามารถสร้างมันในความแตกต่างได้อย่างไร

ถ้าตอนนี้คุณได้รับการระบุให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของคนเฉพาะกลุ่ม ขั้นตอนต่อมาคือการคิดหาวิธีที่คุณจะเป็นคนที่โดดเด่นออกมาให้ได้ โดยเริ่มด้วยการถามตัวเองว่าอะไรที่จะให้ประโยชน์สำหรับคนที่เข้ามาเสพคอนเทนท์ของเรา

ตัวอย่างเช่น Elon Musk ถือเป็นหนึ่งที่เป็นที่สุดของเรื่องนวัตกรรม โดยมักจะตัดสินใจทำอะไรที่แตกต่าง โดยที่ไม่ได้สนใจมนุษย์มนาผู้อื่น ถึงจะมีหลายคนบอกมันดียังไงก็ตาม โดยเขาเลือกที่จะไปในอีกทางโดยใช้องค์ประกอบที่ต่างออกไป เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ที่เป็นความสำเร็จในแบบของเขา

ตัวคุณเองก็เช่นกัน เพราะการอุทิศตัวเองเพื่อที่จะค้นหาความสนใจเฉพาะกลุ่มของตัวเองด้วยสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์  ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการรู้ว่าอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นๆ เขากำลังทำอะไรกัน เพราะความแตกต่างนั้นสามารถทำให้คุณดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ

  • เริ่มจากมองสิ่งรอบๆ ตัวที่คุณมีก่อน
  • รูปแบบคอนเทนท์จะเป็นแบบไหน (photography, video, audio)
  • ช่องทางไหนที่คุณจะใช้เผยแพร่
  • คุณมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
  • โอกาสในการเรียนรู้ที่คุณอยากจะเผยแพร่
  • ความเป็นตัวเองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • ความปรารถนาของคุณคืออะไร สิ่งที่คุณเชื่อและต้องการจะถ่ายทอดให้คนอื่นๆ
  • สิ่งนั้นเป็นสิ่งจำเป็นหรือสิ่งที่ผู้ชมต้องการหรือไม่
  • ทำรายละเอียดออกมาให้เข้าใจง่ายแล้วก็มองหาวิธีการที่แตกต่างออกไปทำให้เกิดเป็นความเฉพาะตัว

3. โซเชียลมีเดียช่องทางที่ใช่สำหรับคุณ?

มีตัวเลขการเติบโตของน้องๆ อินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดียมากมาย ซึ่งคุณจำเป็นต้องเลือกกลุ่มเฉพาะที่ใช่และให้เหมาะสมกับตัวคุณ คำถามแรกที่ต้องถามตัวเองก็คือกลุ่มคนดูของคุณนั้นอยู่ที่ไหนในโลกโซเชียล

ในปี 2019 ทั้ง Instagram และ LinkedIn มีจำนวนผู้ใช้มากขึ้นในทุกๆ เดือน ส่วน Facebook และ Twitter ก็ยังคงเป็นที่นิยมอย่างถล่มทลาย และก็มีอีก 2 ช่องมาแรงอย่าง TikTok และ Twitch ที่ตามมาติดๆ

โดย Instagram เป็นช่องทางที่เหมาะที่สุดสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งกลยุทธ์กว่า 93% ในปี 2018 ของ Influencer Marketing ได้เทไปที่ช่องทางนี้เป็นหลัก เพราะมันเหมาะมากสำหรับสินค้าในกลุ่ม ความสวยความงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่เหล่าผู้ทรงอิทธิพลเหล่าจะนำเสนอสู่ผู้ติดตามของเขา

จนเมื่อเร็วๆ นี้ LinkedIn ที่ไม่ได้เป็นช่องที่เราจะใช้ในการเสนอคอนเทนท์ แต่คนที่เล่นใน LinkedIn จะเป็นเหล่าผู้นำทางด้านความคิด จึงเป็นช่องทางที่ดีมากเพราะพวกเขาจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี ด้านธุรกิจ ด้านการบริหาร หรือ พวกนักพัฒนานวัตกรรมต่างๆ สามารถพบเจอพวกเขาได้เมื่อคลิกไปที่ LikedIn

TikTok แอพที่ให้โพสต์แชร์คลิปสั้นๆ เป็นช่องที่ถือได้ว่าเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 2018 โดยผู้ใช้กว่า 60% และอายุน้อยกว่า 30 ปี โดยนักวิจัยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก โดยทางแบรนด์มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นเด็ก Gen Z  ซึ่งในอนาคตมันอาจจะเป็นช่องทางที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในการประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ

และสุดท้าย Twitch เป็นช่องที่ได้รับความนิยมสุดๆ ของเหล่าเกมเมอร์เมืองนอก โดยมีหลายแบรนด์ลองเข้าไปทำการตลาดในนี้ ซึ่งก็ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างสูง

4. ค้นหาความเป็นตัวเองที่เฉพาะกลุ่มของคุณ

เมื่อคุณค้นหา ลองเช็คดูว่าอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นๆ ที่อยู่ในสายเดียวกับคุณเขากำลังเผยแพร่คอนเทนท์อะไร และเช็คดูว่ากลุ่มคนที่เข้ามาชมนั้นใช่กลุ่มเดียวกันกับที่เข้ามาดูในช่องทางของคุณหรือไม่ โดย BuzzSumo อนุญาตให้สามารถค้นหากลุ่มคนดูจากคำค้นหาได้ และจะมีการแสดงผลเกี่ยวกับหัวข้อคอนเทนท์ที่ครอบคลุมในทุกๆ รายละเอียดของคอนเทนท์ที่ถูกแชร์

ชนิดของคอนเทนท์ที่คุณต้องการจะสร้างก็ต้องคำนึงถึงช่องทางที่คุณเลือก เช่นถ้าเป็น Facebook ก็ลงไปเลยจ้ารองรับทุกรูปแบบคอนเทนท์ ส่วน LinkedIn จะเหมาะกับบทความงานเขียนยาวๆ หรือ เอกสารวิชาการ ถัดมาเป็น Twitter ที่จะให้การให้ที่มากกว่าเป็นวงกว้างและรวดเร็ว

5. กลยุทธ์ในการออกแบบคอนเทนท์ของคุณ

สำหรับอินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนท์ถือเป็นโปรดักซ์ของคุณ มันจะเป็นสิ่งที่จะทำให้คนอื่นๆ มาติดตามคุณจากบางสิ่งที่มันมีความเชื่อมโยงกับชีวิตของเขา ซึ่งการสร้างรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ของคอนเทนท์คุณนั้นจะช่วยให้แบรนด์มีความมั่นใจที่จะมาลงทุน พยายามจับทางให้ถูก ดูว่าคนดูตอบรับและสนใจกับคอนเทนท์ประเภทไหนของคุณ

การพัฒนาคอนเทนท์ให้มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้การโพสต์อะไรมั่วๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง คุณต้องรู้เสมอว่าคุณต้องการจะพูดอะไร แล้วจะพูดกับใคร และหาวิธีที่จะไปให้ถึงจุดหมายนั้นๆ  โดยการหากลยุทธ์ที่จะทำให้เหล่าผู้ติดตามมีความเชื่อใจในตัวของคุณและคอนเทนท์ของคุณ มันจะทำให้เขารู้ว่าอะไรที่คุณโพสต์นั้นจะมีความน่าสนใจสำหรับเขา ซึ่งมันจะทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจที่จะเข้ามาดูคอนเทนท์ของคุณ

โดยทั่วไป ความพอดีของการให้ข้อมูลกับการแสดงตัวของอินฟลูเอนเซอร์มันขึ้นอยู่กับเนื้อหา การที่คุณจะสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ที่คุณกำลังจะร่วมงานด้วย แต่ก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือของคุณกับเหล่าผู้ชม เพราะว่าแฟนๆ ต้องการที่จะดูคนที่จะเป็นตัวแทนของพวกเขาในการที่พูดความจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไม่ได้ต้องการดูนักขายของ

เนื่องจากเราก็เคยเห็นกันมาแล้วจากกรณีของ Rachel Brathen ว่าความซื่อสัตย์วันนั้นทรงพลังแค่ไหนในการที่จะทำให้เหล่าผู้ติดตามเชื่อมั่นและติดตามในตัวคุณ การแชร์เรื่องราวส่วนตัว ความรู้สึก และ ทัศนคติต่างๆ มันทำให้คอนเทนท์คุณดูจริงใจและน่าสนใจ และการพูดกับเหล่าผู้คนที่ติดตามคุณนั้นอาจจะทำมีการแชร์ประสบการณ์ของกันและกันเพื่อยืนยันในสิ่งที่คุณสื่อสารออกไป

แทนที่คุณจะไปแข่งกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับคุณ คุณควรจะไปหาวิธีในการที่จะทำงานร่วมกันน่าจะดีกว่า คุณสามารถเริ่มจากการที่จะแชร์คอนเทนท์ของผู้อื่นสู่สาธารณะ ถ้ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนดูของคุณสนใจและแจ้งว่าสามารถไปช่วยติดตามได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจจะได้การตอบรับเช่นเดียวกันกับสิ่งที่คุณทำ

เครื่องมือในการค้นหาหรือ Google Key Words  (คำค้นหาที่จะถูกแนะนำเมื่อค้นหาบางสิ่งใน Google) คำถามและข้อความต่างๆ ที่ถูกค้นหาใน Google มันจะเป็นจุดเริ่มแรกที่ดีของเพจคุณ ที่จะเป็นคนให้คำตอบและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเหล่านั้น คุณสามารถลองค้นหาคำถามธรรมดาที่จะเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มเฉพาะหรือ Key word นั้นๆ และที่ดีไปกว่านั้นคือคุณต้องไปสร้างคอนเทนท์ที่จะมาตอบคำถามเหล่านั้นเพื่อให้กับเหล่าผู้ติดตาม

ทำให้วิดีโอที่ออกมาสอนหรือแนะนำวิธีทำโน่นทำนี่หรือเทคนิคต่างๆ เป็นสิ่งที่น่าสนใจในการที่เป็นกลยุทธ์ของคอนเทนท์ของคุณ เพราะมันจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ติดได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง ถ้าคุณเป็นกลุ่มเฉพาะอยู่แล้ว ลองหยิบเรื่องเหล่านี้มานำเสนอในสไตล์ของตัวเอง อย่างเช่นการโชว์การใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งมันก็จะตอบโจทย์ที่ให้แบรนด์ที่อยากจะโปรโมทสินค้าเพื่อที่จะขายของนั้นๆ ได้อีกด้วย

6. มันถึงเวลาแล้ว! ที่คุณจะต้องลงมือทำ

โดยกลยุทธ์การวางคอนเทนท์ที่แข็งแรง คุณอาจจะเริ่มด้วยการยืนยันให้ได้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหญ่ของคุณสามารถที่จะดูโพสต์นั้นได้ และถ้าจะดีกว่านั้นเหล่าผู้ชมต้องไม่ดูเพียงอย่างเดียวแต่ควรที่จะเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นการ Like Comment หรือ Share

โดยรายละเอียดในการโพสต์คอนเทนท์ให้ได้การตอบรับที่ดีนั้น ในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็มีความแตกต่างกัน โดยวัดผลจากยอด Reach และ Engagement โดยถ้าโพสต์ในช่วงเวลาว่างของกลุ่มเป้าหมายของคุณจะทำให้คุณได้ผลตอบรับที่ดีกว่า ซึ่งก็ต้องไปวิเคราะห์ดูว่าช่วงไหน

เมื่อการโพสต์ของคุณนั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละช่องทาง (เรามีข้อแนะนำการโพสต์คือไม่ควรโพสต์มากกว่า 3 ช่องทาง เพราะมันจะยุ่งยากในการจัดการเกินไป) หาข้อมูลยืนยันว่าคอนเทนท์ที่คุณทำมีความแตกต่างกันในแต่ละช่องทาง โพสต์ใน Instagram ก็จะมีความต่างจากโพสต์ใน Facebook เล็กน้อย ตัวอย่างเช่น Facebook ก็จะเป็นภาพที่ดูเป็นความจริงมากกว่า และใส่เนื้อหาข้อความได้มากกว่า

ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนคอนเทนท์ของคุณก็ควรที่จะมีความสร้างสรรค์ ซึ่งการโพสต์อย่างสม่ำเสมอก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เถียงกันว่าความสม่ำเสมอมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าคุณภาพของคอนเทนท์ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ทำให้เหล่าผู้ที่ติดตามของคุณมีความไว้วางใจที่จะเชื่อว่าคุณสามารถที่จะทำผลงานที่ดึงดูดพวกเขาได้อย่างเป็นประจำ เพราะมิฉะนั้นพวกเขาอาจจะเลิกการติดตามคุณหรือไม่สนในโพสต์ต่อๆ ไปของคุณ ลองจินตนาการดูสิว่าการอัปโหลดวิดีโอใหม่นั้นกำลังมีคนเป็นร้อยกำลังรอติดตามสิ่งที่เขาชื่นชอบอยู่  โดยโหนทางเดียวที่จะทำให้คุณโพสต์ได้อย่างสม่ำเสมอคุณต้องทำตารางการโพสต์

อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้คุณสามารถจะโพสต์ได้อย่างเป็นประจำก็คือ การใช้เครื่องมือช่วยต่างๆ เช่น HubSpot และ eClincher ซึ่งมันจะจัดตารางและลำดับการโพสต์ให้กับคุณ

7. ทำอย่างไรถึงจะมีคนเข้าถึงคุณมากยิ่งขึ้น?

รักษาความมุ่งมั่นที่จะทำคอนเทนท์เอาไว้ แล้วความน่าเชื่อถือจะขยายกลุ่มคนที่เป็นผู้ติดตามให้มาก จุดเริ่มแรกที่ถูกต้องทำในเส้นทางของอินฟลูเอนเซอร์ คือการมีเป้าหมายและมุ่งหน้าไป มันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เสมอโดยที่คุณจะสามารถมีผู้ติดตามที่ชื่นชอบและเชื่อมั่นในตัวคุณ และแบรนด์ต่างๆ จะเข้ามาร่วมงานกับคุณเอง

อินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากมายใช้บล็อกของเขาในการแชร์ข้อมูลเชิงลึกของสิ่งที่พวกเขาสนใจลงบนโซเชียลมีเดีย ทำให้บล็อกส่วนตัวของพวกเขากลายเป็นพื้นที่ที่มหัศจรรย์ที่เปี่ยมไปด้วยความน่าสนใจและเขามีอำนาจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นบทความ การแสดงความคิดเห็น มันสร้างตัวตนที่มีพลังให้เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ การสร้างบล็อกของตัวเองขึ้นมานั้นมันยังให้ความหมายของตัวตนที่เป็นอิสระของคนๆ นั้น เป็นพื้นที่ที่ไม่ต้องกลัวผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หรือต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่อาจจะเกิดขึ้นแบบแพลตฟอร์มอื่นๆ

แต่คุณสามารถไปโพสต์บนบล็อกของคนอื่นๆ ได้อีกด้วย มันเป็นสิ่งที่ประสิทธิภาพเป็นอย่างมากที่จะสร้าง Web ที่คุณสามารถจะมี Link ที่เป็นของตัวคุณเอง ลองติดต่อแบรนด์ที่คุณอย่างร่วมงานด้วยแล้วเสนอไอเดียที่คุณอยากทำเพื่อโพสต์ลงในบล็อกของคุณ และค้นหาผู้ที่มีความสนใจเพื่อที่จะทำให้บล็อกของคุณมีชื่อเสียงขึ้นมา

กลุ่มคนชนชั้นกลางจะรู้สึกเชื่อถือคอนเทนท์ที่ได้รับการยืนยันจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญหรือนักคิดนักเขียนต่างๆ ดังนั้นเมื่อคุณโพสต์คอนเทนท์ในบล็อกของคุณแล้วต้องการให้มีการเห็นที่เป็นวงกว้างขึ้น คุณควรจะได้รับการยืนยันหรือแชร์จากคนจากคนกลุ่มนี้เพื่อเป็นการทำให้กลุ่มคนชนชั้นกลางเหล่านี้มีความเชื่อใจในตัวคุณมากยิ่งขึ้น

อย่าเพิกเฉยต่อโอกาสจากคนๆ หนึ่งที่จะทำให้ยอดของผู้ติดตามคุณมากขึ้น ให้ความสนใจไปในกลุ่มคนที่จะเป็นเครือข่ายที่อาจจะเป็นกลุ่มที่สนใจคุณในอนาคตพยายามไปพบปะและสร้างคอนเทนท์จากจุดนั้น หากิจกรรมที่ทำให้ได้พบปะคนเหล่านั้น อย่างเช่น YouTubers หลายคนที่มีชื่อเสียงใช้การจัดกิจกรรมมิตติ้งแบบตัวต่อตัวกับเหล่าแฟนๆ ของเขา

8. การเข้าถึง!

อย่าเพิกเฉยต่อผู้ติดตามของคุณ ผู้ติดตามยิ่งมากมันก็ยิ่งยากเช่นกัน แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้ ลองใช้เวลาในการที่จะคอมเมนท์โต้ตอบ หรือแสดงความคิดเห็นในไดเรคแมสเซจ พยายามคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงานของคุณ พยายามมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน

ขั้นแรกก็ในการสร้างสัมพันธ์ก็คือการลองไลค์หรือคอมเมนท์โต้ตอบกับผู้ติดตามของคุณที่เข้ามาคอมเมนต์ในคอนเทนท์ของคุณ จำไว้ว่าเมื่อคุณซัพเพอร์ตเขา เขาก็จะซัพพอร์ตคุณ

เมื่อมีคอมเมนต์ในแง่ลบ มีสติและพยายามใช้เหตุผล มันถือเป็นการเข้าถึงที่ดีเราต้องมีความเป็นมืออาชีพที่จะจัดการสถานการณ์แบบนี้ให้ได้ ตอบคำถามด้วยใจที่เปิดกว้างเพราะมันจะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ตัวคุณเองและแบรนด์ อย่าลืมนึกถึงความเป็นมนุษย์เข้าไว้ แสดงจุดยืนในสิ่งที่คุณเชื่อ แล้วคุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อในสนามอารมณ์

9. เรียนรู้ ประมาณตัวเอง และพัฒนาต่อ

อินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่มากมายมักจะถูกลองของด้วยคำถามเชิงลึกต่างๆ ที่ต้องมีการวิเคราะห์ และบ่อยครั้งที่เขาพวกมักเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะประเมินตัวเอง และหาวิธีพัฒนาพร้อมกับอธิบายให้ได้ว่าการจัดการกับปัญหาแบบไหนมันดีสำหรับคุณ อะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ และคุณต้องการจะสร้างตัวตนของตัวเองให้เป็นแบบไหน

โดยพวกมาร์เก็ตติ้งของแบรนด์ต่างๆ นั้นหวังจะเห็นว่าคุณสามารถที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ได้และก็ควรที่จะออกมาในทางที่ดี มันเป็นเรื่องของตัวเลข โดยแบรนด์ก็ต้องคาดหวังว่าลงทุนไปกับคุณแล้วก็ควรจะได้ผลตอบรับที่ดีกลับมา

โดยประเภทของแพลตฟอร์มที่คุณใช้ก็นั้นสามารถบอกได้ถึงยอดผู้ติดตามและความสำเร็จของแต่ละคอนเทนท์ โดยจะมีค่าแสดงของยอด reach และ engagement percentages โดยดูจากการผู้ติดตามพื้นฐานของคุณ ซึ่งคุณจะสามารถดูได้ว่าโพสต์ไหนของคุณมียอดผู้สนใจมากหรือน้อย

เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสามารถรวบรวมสถิติของผู้ติดตามของคุณว่าคอนเทนท์ไหนมีผู้เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายการโพสต์ของคุณในวันและเวลาที่แม่นยำ เพื่อให้ได้ผลตอบรับที่มากที่สุดได้

ซึ่งเราก็มีเครื่องมือที่จะมาช่วยในเรื่องนี้ อย่างเช่น Hootsuite ที่จะบอกถึงรายละเอียดต่างๆ อย่างมืออาชีพและนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนายอดของคุณให้ดีขึ้น ยังไม่ได้ต้องกลัวการใช้งานมัน เพราะมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เพื่อช่วยเพิ่มยอดของคุณ ซึ่งมีหลายคนกระซิบมาว่ามีประโยชน์เกินความคาดหมาย ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ชมของคุณ แสดงรายละเอียดของแต่ละโพสต์และบอกหมวดหมู่เนื้อหาของคุณ พร้อมบอกการเติบโตของยอดผู้ติดตาม ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์เนื้อหาของคุณเพื่อเป้าหมายที่ตรงจุด

10. อัพเดทและทำความเข้าใจอยู่ตลอด

ทุกแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์มีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเรียนรู้และทำความเข้าใจถือเป็นอีกงานที่สำคัญที่อินฟลูเอนเซอร์ควรที่จะรู้ ว่าแต่ละแพลตฟอร์มมีการเปลี่ยนการแสดงผลไปในรูปแบบไหน และใช้โอกาสเหล่านั้นที่จะทำให้คอนเทนท์ของคุณมีความน่าสนใจและเข้าถึงคนได้เป็นจำนวนมาก

การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ติดตามที่จะเห็นโพสต์ของคุณ ดังนั้นการรู้วิธีปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นพร้อมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอนเทนท์ของคุณจะยังมีคนเห็นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ คุณจะต้องได้ร่วมงานกับแบรนด์ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องลงทะเบียนเพื่อรับรายได้และต้องชำระภาษี ซึ่งแต่ละประเทศก็มีกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าจะให้ดี คุณควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้แน่ใจ

เมื่อคุณรู้กระบวนการเบิกจ่ายต่างๆ แล้วก็ใช้สัญชาตญาณของคุณ และความรู้สึกความรู้ต่างๆ พัฒนาคอนเทนท์ที่เป็นตัวคุณ แล้วเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ถ้าแบรนด์ไหนไม่ดีคุณก็แค่เลือกที่จะถอยออกมา แค่นั้น!

ขอให้ใชคดีสำหรับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในอนาคตทุกคน

เรียบเรียงการแปลโดย Beauty Hunter

Credit : https://beautybusinessjournal.com/how-to-become-an-influencer/

Picture Credit : pinterest

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *